http://www.thairath.co.th/content/life/286043
เป็นการกล่าวถึงการแนะนำผู้บริโภคที่จะต้องเติมน้ำมัน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดผมเองคิดว่ายังไม่ถูกต้องที่สุด จึงอยากจะแนะนำอธิบายเพิ่มเติมจากประสบการณ์อันน้อยนิด และจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มันติดสมองหลงเหลือจากชั้นมัธยมปลายอยู่หน่อยๆ ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เข้าข้างผู้ค้าน้ำมันที่เป็นสถานีบริการ เพราะผมเป็นเด็กปั๊มหรอกนะครับ แต่ผมเข้าข้างวิทยาศาสตร์และกระบวนการต่างๆ ที่สามารถอธิบายกรณีตัวอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดไม่มาเติมน้ำมัน หันมาเดินเท้าแทนละแย่เลย อิอิ
ผมขออนุญาตนำภาพที่ผมได้จากการ PrintScreen หน้าเว็บไซต์มาอ้างอิงด้วยนะครับ
1.
ผมตลกกับข้อแรกก่อนเลย ส่วนใหญ่สถานีบริการจะปรับราคาน้ำมันขึ้้นหรือลง ได้นั้นต้องมีการแจ้งจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น บริษัทค้าน้ำมันยี่ห้อต่างๆ หรือรัฐบาลที่ประกาศชดเชยราคาน้ำมัน โดยที่จะต้องมีเวลาแจ้งกำกับมาด้วยทุกครั้ง อาจจะเป็นหลังเที่ยงคืน ประกาศทันที โดยส่วนใหญ่จะมีผลหลังเที่ยงคืนของวันที่ประกาศ เพราะจะทำให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดไป แต่สาเหตุที่มีการปรับกันช่วงตี 5 เพราะเป็นช่วงที่สถานีบริการเปิดทำการ ใครจะตื่นมาปรับราคาน้ำมันช่วง "เที่ยงคืน"
แต่ที่ผมตลกไปมากกว่านั้น คือเหตุผลที่ต้องเติมน้ำมันช่วงเช้าเพราะเชื่อว่าจะได้ปริมาณน้ำมันที่มากกว่า ห๊า.... อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ง่ายๆนะครับ สสารใดๆที่ได้รับพลังงานจนอุณหภูมิสูงขึ้นมันจะขยายตัว ถูกต้องที่เมื่ออุณหภูมิโดยรอบค่อนข้างต่ำ น้ำมันจะอยู่ในลักษณะที่ไม่พองตัว แต่อย่าลืมนะครับว่าน้ำมันไม่ได้ออกจากถังแล้วออกสู่หัวจ่ายเลยโดยตรง มันผ่านการตวงลิตรมาก่อนที่เรียกว่า Flow Meter ที่อยู่ในตู้หัวจ่ายทุกตู้ โดยเป็นลักษณะพู 4 พูทำหน้าที่ในการตรวจสอบน้ำมันในแต่ละครั้งที่เติมว่า ผู้บริโภคจะได้น้ำมันเต็มลิตรในลักษณะที่ยอมรับได้ ลักษณะที่ยอมรับได้คืออะไร คือลักษณะที่น้ำมันที่เราได้รับอยู่ในช่วง +,- ของปริมาณที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยการวัดแบบนี้ที่เรียกว่า การตวงลิตร จะมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมากำกับดูแลโดยเฉพาะคือ สำนักชั่งตวงวัดในแต่ละเขตุพื้นที่ที่รับผิดชอบ จะมาทำการตรวจสอบทุกปี เพื่อให้มีมาตรฐานที่สุดจึงต้องมีการทดสอบโดยการใช้อุปกรณ์ชั่งตวงวัดน้ำมันเชื้อเพลิง ดังภาพ
